Tuesday, December 11, 2007

Benefactors of the Tara Great Stupa - November 2007

The 1000 Stars Foundation is grateful to the following individuals who made donations to the building of the Tara Great Stupa for Peace and Harmony. The list is for November 2007.

Wanngam Santimaniratana (คุณวรรณงาม สันติมณีรัตน์) 10,000 baht
Nakorn-Sataporn-Jhansiddh Settachayanon (คุณนคร-สถาพร-ฌานสิทธิ เศรษฐชยานนท์) 5,000 baht
Professor Dr. Amara Prasitrathasint (ศ. ดร. อมรา ประสิทธิ์รัฐสินธุ์) 2,000 baht
Mr. Ampon (คุณอำพล) 1,000 baht
Mrs. Liu 1,000 baht

Wednesday, November 21, 2007

Stupa Land Blessing and Guru Rinpoche Retreat

His Eminence Kundrol Mongyal Lhasray Rinpoche and Sang-ngag Lingpa Rinpoche (his son) will preside over the Stupa land blessing ceremony at the Tara Khadiravana Retreat Center on Thursday 10 January 2008, 11.09-13.30 hrs.

On 10-12 January Lhasray Rinpoche will lead a retreat and meditation on Guru Rinpoche. On Saturday 12 January, 13.00-16.00 hrs. he will perform Guru Rinpoche Empowerment.

Each morning we will make a vast offering to local gods and each evening we will make a vast burnt offering to bardo beings. More detail will be announced.


การวางศิลาฤกษ์พระสถูปและการปฏิบัติธรรมที่ขทริวัณ

พระอาจารย์กุนเทรอ เมินเกียล ลาเซ ริมโปเชและซังงัก ลิงปะ ริมโปเช (บุตร) จะเป็นประธานในการวางศิลาฤกษ์พระศานติตารามหาสถูปที่ภัทรกัลป์ตาราขทิรวัณในวันพฤหัสบดีที่ 10 มกราคม 2551 ระหว่างเวลา 11.09 -13.30 น.

การสวดมนตร์และนั่งสมาธิถึงพระคุรุ ริมโปเชและการทำพิธีมนตราภิเษกพระคุรุ ริมโปเช

ลาเซ ริมโปเชจะนำการสวดมนตร์ภาวนาและนั่งสมาธิถึงพระคุรุ ริมโปเช ระหว่างวันที่ 10-12 มกราคม 2551 และในวันเสาร์ที่ 10 มกราคม ระหว่างเวลา 13.00-16.00 น. ริมโปเชจะประกอบพิธีมนตราภิเษกพระคุรุ ริมโปเช

ในตอนเช้าของแต่ละวันจะมีการถวายเครื่องบูชาหรือ ซัง ขนาดใหญ่ แด่เทพยดา พญานาค เจ้าป่า เจ้าเขา เจ้าที่ ในตอนเย็นของแต่ละวันจะมีการอุทิศกลิ่นอาหารไหม้หรือ ซู ให้เป็นทานแก่สัมภเวสีทั้งหลาย

รายละเอียดจะแจ้งให้ทราบ

Updates on the Stupa Project



วันอังคารที่ 20 พฤศจิกายน คณะสถาปนิกและวิศวกรผู้ควบคุมการก่อสร้างพระมหาสถูปได้มาประชุมร่วมกันที่บ้านมูลนิธิพันดาราที่ซอยลาดพร้าว 11 ได้ข้อสรุปดังนี้

สัดส่วน

เราได้คุยกันเรื่องสัดส่วนของพระสถูปและพื้นที่ตั้งที่ขทิรวัณ ได้ข้อสรุปว่าฐานพระสถูปซึ่งจะทำเป็นเนินขึ้นมาจะอยู่ที่ความสูงประมาณ 9 เมตร ส่วนพระสถูปนับแต่ฐานดอกบัวขึ้นมาจะมีความสูง 45 เมตร รวมความสูงทั้งสิ้น 54 เมตร

วัตถุมงคลภายในพระสถูป

บริเวณกลางพระสถูปจะมีเสาขวัญซึ่งเป็นเสมือนหัวใจของพระสถูป เสาขวัญนี้จะมีคัมภีร์ซึ่งเป็นลักษณะกระดาษมนตร์พันรอบ โดยคัมภีร์ต้นฉบับมีความยาว 80 หน้ากระดาษทิเบต เราจะต้องใช้หลายชุดพันซ้อนๆกัน ตามจุดที่เป็นจักรทั้งห้าของพระพุทธเจ้า ชุดต้นฉบับจะใช้มือเขียนด้วยหมึกทองจะเป็นชุดแรกที่จะพันที่เสา ทั้งต้นฉบับและชุดถ่ายเอกสารจะทำที่เมืองไทย ขณะนี้ ลาเซริมโปเชกำลังชำระคัมภีร์นี้โดยดูจากคัมภีร์ต้นแบบจาก 5 วัดในทิเบต

ท่านให้ความสำคัญกับการบรรจุภายในพระสถูปซึ่งจะต้องเป็นไปตามประเพณีทุกอย่างและต้องมีความถูกต้องสมบูรณ์ เพราะวัตถุมงคลที่จะบรรจุจะทำให้พระสถูปมีจิตวิญญาณและเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมา มิฉะนั้นพระสถูปจะมีเพียงร่างเท่านั้น

เสาขวัญนี้อาจเป็นท่อนไม้ต่อๆกัน ในทิเบตนิยมใช้ไม้สนจูนิเปอร์ แต่เราอาจใช้ไม้สีเสียดหรือขทิระก็ได้

วัตถุมงคลอื่นๆที่จะบรรจุ ได้แก่

(1) พระบรมสารีริกธาตุและพระธาตุ สถานที่บรรจุยังไม่ทราบ อาจเป็นที่องค์พระสมันตภัทรซึ่งจะประดิษฐานที่วงแหวนทองด้านบน

(2) พระพุทธรูปพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์เล็กๆ จะประดิษฐานภายในวงเแหวน

(3) คัมภีร์ แทนพระธรรม อาจบรรจุในบริเวณพระวิหาร

(4) ถุงรัตนโชคลาภ จะบรรจุไว้ที่ฐานแทนธาตุทั้ง 5 บริเวณเหนือซุ้มธรรมบาลขึ้นไป

(5) สถูปพิมพ์องค์เล็กๆทำด้วยดินเหนียวจำนวนมาก

(6) รูปพระพุทธเจ้าและพระโพธิสัตว์ซึ่งจะถ่ายเอกสารที่เมืองไทยอีกจำนวนมาก ทั้งสถูปพิมพ์และรูปพระพุทธเจ้านี้จะบรรจุไว้ที่ฐานพรหมวิหาร4 เหนือบัลลังก์พระสถูปที่เป็นหลังคาของวิหาร

งานการบรรจุจะเริ่มทำตั้งแต่ช่วงริมโปเชมาในเดือนมกราคม 2551

ในระหว่างนี้อาจจะต้องเริ่มก่อสร้างเรือนหล่อพระและเก็บสถูปพิมพ์และวัตถุมงคลต่างๆ เป็นลักษณะ workshop ซึ่งน่าจะอยู่ด้านหน้าบริเวณสวนมะม่วง จะได้สะดวกกับการขนย้ายวัสดุและใกล้กับบ้านสำนักงาน ในอนาคตเมื่อมีช่างหล่อชาวทิเบตมาจะได้มาทำงานที่โรงหล่อนี้

การหล่อพระพุทธรูป

มูลนิธิได้ติดต่อโรงหล่อพุทธรังษี สี่แยกพรานนก ซึ่งคุณธำรง ปัทมภาส ศูนย์ไทย-ธิเบตแนะนำ โรงหล่อนี้มีประสบการณ์ในการหล่อสถูปทิเบตองค์เล็กๆ และหล่อรูปพระโพธิสัตว์และจตุโลกบาลมาแล้ว และมีประสบการณ์ในการทำงานกับต่างประเทศ ทางโรงหล่อยินดีร่วมมือกับมูลนิธิในการทำงานกับช่างทิเบต ในการหาแผ่นทองแดงสำหรับเคาะองค์พระตามขั้นตอนการสร้างพระแบบทิเบต และหาดินเหนียวสำหรับสร้างสถูปพิมพ์

ได้ปรึกษาคุณเอนก ผู้จัดการโรงหล่อ เกี่ยวกับวิธีการหล่อพระ ทางคุณเอนกแนะนำว่าถ้าใช้วิธีการแบบทิเบตอาจจะดีกว่าเพราะเบาและสวยงามกว่า วิธีการแบบไทยใช้ทองเหลืองเป็นจำนวนมาก จะทำให้องค์พระแต่ละองค์หนัก ขนาด 1.5 เมตรจะมีน้ำหนักถึง 400 กิโล ถ้าใช้แบบทิเบต จะเป็นการเคาะแผ่นทองแดง แล้วนำมาประกอบกัน ทางคุณเอนกบอกว่าโรงหล่อยินดีให้ความร่วมมือต่างๆ เช่น ช่วยเชื่อมแผ่นทองแดงเข้าด้วยกัน ช่วยทำฐานและอื่นๆ พร้อมกันทางโรงหล่อก็มีความสนใจจะเรียนรู้กรรมวิธีหล่อพระแบบทิเบตด้วย

ประมาณค่าใช้จ่ายในการหล่อพระ ขนาด 1.5 เมตร องค์ละไม่เกิน 300,000 บาท ถ้าใช้วิธีการหล่อแบบไทย

การทำสถูปจำลอง

มูลนิธิจะหล่อสถูปจำลองโดยใช้เรซินผสมผงหินอ่อนและใช้ทองแดงสำหรับพระพุทธรูปจำลองที่จะประดิษฐานที่วิหารและซุ้ม ทางคุณเอนกรับทำงานนี้ให้ ถ้าได้แบบโดยเร็ว สามารถทำให้เสร็จก่อนวันวางศิลาฤกษ์ในวันที่ 10 มกราคม ได้

ในเรื่องนี้คณะสถาปนิกและวิศวกรจะนัดประชุมกันอีกครั้งในวันที่ 27 พฤศจิกายน

การแกะรูปพระแม่ตาราจากหินอ่อน

คุณธำรง ปัทมภาสกับมูลนิธิจินเกาะจะทำบุญในการสร้างรูปพระแม่ตาราที่กำลังแกะจากหินอ่อนเพื่อเป็นพระประธานในการทำน้ำมนตร์ขทิรวัณ ขนาดประมาณ 9 นิ้ว (ไม่รวมฐาน)

Sunday, November 18, 2007

Message from an Old Friend

Ajit Wettasinghe :

The challange you have undertake to build a great Stupa in Thailand reminds me a saying you quoted to me long ago, "If there is a will there is a way." I am sure you proved it in your life and you will do the same in building the Stupa too.

Tuesday, November 13, 2007

More from Khadiravana



Young Khadira (Acacia), a gift from K. Sanan from the Forestry Department



Near the Stupa site



View of the site from the North

Stupa Site



The Stupa site facing South.



Another view of the site facing South.



The Stupa site facing West, view from the main road.



Facing West.

Dzogchen Retreat Area



The back portion of the land is designated to be Dzogchen retreat area. The cabin with blue roof is dedicated to His Eminence Kundrol Mongyal Lhasray Rinpoche, who brings the dharma of Dzogchen into our life.

Recent Pictures from Khadiravana








Location of the Tara Great Stupa and its surrounding. Photos from Richard Weeks.

Friday, October 26, 2007

Benefactors of the Tara Great Stupa - October 2007 (2)

Mr. Teng Kien Meng 20,000 baht
Mr. Kongkiat Wathakanjanasuthi and family (คุณก้องเกียรติ วาทะกาญจนสุทธิ์และครอบครัว) 15,000 baht (From this amount, 10,000 baht is for the building of the Stupa and 5,000 baht is for the making of Buddha images and other sacred objects to be placed inside the Stupa)
Donations from the Weaving Art for Peace conference 5,505 baht
Dr. Bundit and friends from Surin Province 4,500 baht
Mr. Kongphop Suthithamwasi (คุณคงภพ สุทธิธรรมวะสี) 1,000 baht
Dr. Jantima Earmanond and Suthisak Angkhapanichkit (ดร. จันทิมา เอียมานนท์และคุณสุทธิศักดิ์ อังคพณิชกิจ) 2,000 baht
Dr. Tongchat Hongladarom (ดร. ทองฉัตร หงศ์ลดารมภ์) 1,000 baht
M.L. Phaksuk-Thongsri Kamphu (มล. ภัคศุภ-ทองศรี กำภู) 1,000 baht
Dr. Tongthat Hongladarom (ดร. ทองธัช หงศ์ลดารมภ์) 1,000 baht
Mr. Tongma Hongladarom (คุณทองมา หงศ์ลดารมภ์) 1,000 baht
Mr. Ampon (คุณอำพล) 2,000 baht
Mrs. Liu 2,000 baht
Ms. Yenchu 2,000 baht
Mr. & Mrs. Ganda & Laszlo 2,690 baht
Ms. Pranee Daraprasertkul (คุณปราณี ดาราประเสริฐกุล) 1,000 baht
Mrs. Rassamee Methavikul, Mr. Krisadang Jaisa-ard, Mr. Assadang Jaisa-ard (คุณรัศมี เมธาวิกุล คุณกฤษฎางค์ ใจสอาด คุณอัษฎางค์ ใจสอาด) 10,000 baht

Thursday, October 25, 2007

Getting to Know the Artist who Draws the Tara Great Stupa Picture

Atipong Padanupong

1. แนะนำตัวเอง

ผมเรียนจบมาทางศิลปะ
แม้จะเป็นสาขาออกแบบแต่หลังจากนั้นก็ทำงานเกี่ยวกับวาดภาพมาโดยตลอด
ประมาณห้าปีก่อนเกิดสนใจศิลปะทิเบตขึ้นมา เป็นความสนใจแบบตื้นเขิน
ผิวเผินที่สุด เห็นรูปเทพดุๆ มือยุ่บยั่บในกองไฟแล้วรู้สึกประทับใจ
รู้สึกว่าชาวทิเบตเขาวาดไฟได้ร้อนแรง ลักษณะท่าทางของเทพเหล่านั้น (
ซึ่งมาทราบภายหลังว่าคือยิดัมและธรรมบาล) ก็ทั้งน่ากลัวและน่าหลงใหล
ในเดือนพฤศจิกาปี ก่อนเกิดสึนามิ ผมออกจากงานประจำ และอยากทำอะไรสนุกๆ
จึงจัดกระเป๋าไปอยู่กับช่างเขียนภาพชาวทิเบตลี้ภัยที่เมืองธรัมศาลา อินเดีย
แม้ตอนกลับจะได้ภาพพระแม่ตาราขาว ที่วาดเองด้วยความภูมิใจกลับมาภาพหนึ่ง
แต่จะว่าไปเรียนเขียนทังกาก็ไม่กล้าพูดเต็มปาก เพราะอยู่กับเขาแค่สองเดือน
ในขณะการเขียนทังกาจริงๆนั้นต้องเรียนกันห้าหกปี
เรียกว่าไปสังเกตการณ์วิธีเขียน และชีวิตช่างเขียนทางโน้นมากกว่า
นอกจากภาพพระแม่ตาราแล้ว ความรู้
ประสบการณ์ที่ได้รับมาก็ไม่ได้ผลิดอกออกผลอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน
จนกระทั่งมาเจออาจารย์กฤษและมูลนิธิพันดารา จึงรู้สึกมีทางไปมากขึ้น


2. เล่าความเป็นมาของการเข้ามาช่วยงานมูลนิธิ

เป็นเรื่องมหัศจรรย์ครั้งหนึ่งในชีวิต
คือผมเจออาจารย์กฤษครั้งแรกในงานภาพยนตร์มิลาเรปะ
ตอนนั้นกลับมาจากธรัมศาลาแล้วราวปีนึง
ในแวดวงคนสนใจเรื่องทิเบตก็ต้องได้ยินได้อ่านหนังสือของอาจารย์
และอยากเจอตัวจริงอยู่แล้ว
พอดีผมมีหนังสือการ์ตูนมิลาเรปะที่เพื่อนชาวทิเบตให้เป็นที่ระลึก
รู้สึกว่าเก็บอยู่กับตัวก็ไม่ได้อะไร เลยขอทำความรู้จักอาจารย์ที่หน้าโรงหนัง
และวันถัดมาก็นำหนังสือไปให้ที่จุฬา อาจารย์บอกว่าเป็นของขวัญปีใหม่
เพราะวันนั้นเป็นวันโลซาร์ ปีใหม่ทิเบตพอดี
จากนั้นผมและอาจารย์ก็ไม่ได้ติดต่อกันเลยประมาณปีครึ่ง
จนกระทั้งถึงต้นเดือนมิถุนาที่ผ่านมานี้เอง
วันนั้นผมไปรอเพื่อนที่อัมรินทร์โซโก้ แล้วเขายกเลิกนัดกะทันหัน
ผมเลยเดินมาขึ้นรถไฟฟ้าที่สถานีชิดลมกลับบ้าน แล้วจู่ๆ
ก็เจออาจารย์กับอาจารย์โสรัจจ์บนสถานีนั่นแหละ
ทักทายกันแล้วอาจารย์ก็บอกให้ไปหาที่จุฬาฯวันรุ่งขึ้น
มีงานให้ช่วยและต้องการช่างเขียนรูปพอดี คือเขียนภาพพระสถูปนี่เอง
จำได้ว่าวันนั้นอาจารย์ดูเหนื่อยๆ เกรียมๆ ผมคิดว่าอาจารย์ไปเล่นกอล์ฟซะอีก
มาทราบวันรุ่งขึ้นว่าอาจารย์ไปกราบที่ทิเบตมา
และตอนที่เจอบนสถานีรถไฟฟ้านั้นอาจารย์ก็เพิ่งกลับมาแค่วันเดียวเอง!
และโดยปกติอาจารย์ก็ไม่ค่อยได้เดินไปแถวชิดลมด้วย
จึงถือเป็นเรื่องน่าประหลาดที่ได้มาเจอ เหมือนมีใครชักใยที่มองไม่เห็นอยู่
และหลังจากนั้น ด้วยความช่วยเหลือของเพื่อน ผมก็ได้แนะนำพี่จุ่น ( สถาปนิกใจดี)
ให้อาจารย์ เราไปขถิรวัณกับพี่อารีรัตน์ด้วย
คือเราทั้งสี่คนเนี่ยแทบไม่รู้จักกันมาก่อนเลย
แต่ก็จูนเข้ากันได้ดีอย่างน่าพิศวง เมื่อผมวาดพระสถูปรูปที่สองเสร็จ (
ต่อยอดจากรูปแรกที่คุณศุภโชควาดไว้) เราจึงนำภาพนั้น พร้อมคำถามต่างๆ
ไปหาลาร์เซย์รินโปเชที่เฉิงตู โดยงานนี้พี่จุ่นก็พาพี่เล็กพี่กลาง
ครอบครัวสถาปนิกซึ่งสนใจในความเป็นทิเบตไปด้วย และมีคุณจิ๊ก
นักเขียนผ้รักทิเบตมากๆ ร่วมทางไปอีกคน เยินเต็นรอรับเราที่เฉิงตู
หลังจากพบท่านรินโปเชแล้วก็ไปเที่ยวบ้านเยินเต็น
ซึมซับความเป็นทิเบตแบบอัมโดกัน
กลับมาเมืองไทยก็นำคำวิจารณ์ของท่านรินโปเชมาปรับปรุงแก้ไข
และช่วยกันจัดนิทรรศการ
......ก็ได้ร่วมงาน และกลายมาเป็นสมาชิก ( กิตติมศักดิ์ 555 )
ของมูลนิธิโดยไม่รู้ตัวล่ะครับ

3. ทำไมจึงตัดสินใจช่วยวาดพระสถูป ?

อย่างที่เล่ามา มันเหมือนมีบางอย่างดลให้ต้องมาเจออาจารย์และมูลนิธิ
ถ้าจะไม่วาดก็เหมือนฝืนชะตาเกินไปแล้ว
พี่จุ่นเคยบอกว่าทุกอย่างที่เกิดไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
มันมีเส้นที่มองไม่เห็นพาเราไปโน่นไปนี่
บางทีความรู้เรื่องศิลปะทิเบตที่ได้ไปสัมผัสยังธรัมศาลา
อาจเป็นการปูพื้นเพื่อมาช่วยงานให้มูลนิธิก็ได้ แต่ตอนนั้นผมยังไม่รู้ตัวหรอก
เรียกว่าปูพื้นตากแดดทิ้งไว้เฉยๆเป็นปีๆ แล้วจู่ๆ ก็เริ่มมีผนัง มีเสามี
อะไรขึ้นมา ผมก็ดีใจที่ได้นำประสบการณ์นั้นมาทำประโยชน์
อีกอย่าง อาจารย์เคยบอกว่าการบังเอิญเจอผม
และเลยเถิดไปถึงพี่ๆสถาปนิกในช่วงที่ต้องการคนช่วยคิดช่วยทำพระสถูปพอดี
คืออานิสงส์หนึ่งจากการกราบ แต่สำหรับตัวผมเอง
นึกไม่ออกทำบุญอะไรไว้จึงได้มาเจออาจารย์ แต่ยอมรับว่าครั้งหนึ่ง สมัยจบใหม่ๆ
คึกคะนองและหิวเงินจนหน้ามืดตามัว
เคยนำความสามารถในการวาดเขียนไปทำเรื่องไม่ดีเอาไว้ ( ถ้าพูดอาจจะติดเรท X )
เรียกว่าใช้วิชาที่เรียนมาในทางมิชอบ บางทีพระท่านคงเมตตา
ให้โอกาสผมทำอะไรดีๆลบล้างนะครับ
เคยอ่านเรื่องธรรมบาลบางองค์ที่ก่อนหน้าเคยเป็นพวกคุณไสยมนตร์ดำ...ด้านมืดของพลังมาก่อน
แล้วได้รับพระธรรมเย็นๆช่วยขัดเกลา จึงปวารณาตนรับใช้
บางทีผมอาจเข้าข่ายนั้นก็ได้ ( คิดสนุกๆน่ะครับ 555 )

4. ไม่เคยทำมาก่อนทำไมจึงทำได้ ?

คงต้องบอกเลยว่าผมไม่ได้วาดคนเดียว และที่วาดออกมาก็เป็นแค่พื้นผิว
ร่างพระสถูปภาพแรกนั้นคุณศุภโชควาดไว้จากคำชี้แนะของลาร์เซย์ รินโปเช
พอดีช่วงนั้นอาจารย์บอกว่าคุณศุภโชคติดงาน
เลยให้ผมขยายภาพร่างนั้นขึ้นมาเป็นภาพใหญ่ และใส่รายละเอียดไปตามสมควร
เรียกได้ว่าโครงสร้างสัดส่วนต่างๆ คุณศุภโชคกำหนดขึ้นมาเรียบร้อยแล้ว
ผมแค่มาขัดเกลาและตกแต่ง เพิ่มลวดลายทิเบตตามที่ได้เรียนรู้มา
ให้พระสถูปดูสวยงามเป็นจริงเป็นจังขึ้นเท่านั้นเอง
และสำหรับภาพพระสถูปที่อยู่หน้าโบรชัวร์นั้น เป็นภาพร่างที่ 3
ที่แก้ไขหลังจากนำไปที่เฉิงตู ให้ท่านรินโปเชพิจารณาแล้ว
เนื่องจากท่านปรับแก้หลายส่วน ซึ่งผมเองตามไม่ทัน
แต่พี่ๆสถาปนิกที่ไปด้วยเขาเข้าใจ และเห็นผมมึนๆ ก็ว่าเอางี้
เดี๋ยวพี่เขาจะนำเอาคอมเมนต์ของท่านรินโปเชมาแก้ไข
และขึ้นเป็นลายเส้นโครงสร้างแบบ 3D ไว้ เอาแบบเป๊ะๆ เลย
แล้วค่อยส่งโครงสร้างนั้นให้ผมตกแต่งลวดลาย ประดับประดา
หมายถึงว่าใช้ลวดลายทิเบตวาดประกอบให้ดูสวยงามเป็นจริงเป็นจังทีหลัง
สำหรับผม โครงสร้างสำคัญกว่าพื้นผิว ถ้าคุณศุภโชค และพี่ๆสถาปนิกไม่ขึ้นโครง
กำหนดสัดส่วนให้ก่อน ผมคงวาดออกมาไม่ได้ คือถึงภาพจะสวยงาม
ก็เป็นแค่ที่ฉาบบนผิวหน้า สัดส่วนคงไม่ลงตัว และไม่สามารถทำงานง่ายขนาดนี้

5. ขณะวาดภาพพระสถูปมีความรู้สึกอย่างไร ?

ดีครับ สนุกเพลิดเพลิน ไม่เครียดไม่กดดันเหมือนงานจ้าง
ยิ่งช่วงนั้นมีงานลูกค้ามาซ้อนๆ กัน ซึ่งเป็นงานที่เน้นปริมาณ
ทำเพื่อเงินเป็นหลัก ยิ่งอยากหันหลังให้และไปวาดพระสถูปแทน เพราะรู้สึกผ่อนคลาย
เป็นงานเย็น ไม่ใช่งานร้อน
และคิดว่าเมื่ออาจารย์ให้โอกาสทำ
ทั้งตัวผมเองก็รู้เรื่องศิลปะทิเบตพอตัวอยู่แล้ว
ก็จะทำให้ดีเท่าที่ความสามารถและเวลาจะอำนวย รู้สึกภูมิใจครับ
ส่วนเรื่องบุญกุศลนั้นก็แอบคิดเหมือนกันเล็กๆ 555 แต่ไม่ได้หวัง
เพราะเกิดความสุขขึ้นในขณะวาด นั่นก็ดีพอแล้ว

Friday, October 12, 2007

Illuminating theDarkPlaces

Bringing all the great religions together and all the different traditions of Buddhism is essential if we are to effect a peaceful transition to a more peaceful and just globally spiritually integrated world.

I try to learn from all the Buddhist traditions and to sow seeds of Peace here at Dhamma Park for as long as I have the health and strength to continue .I'm now 75 and there are many difficulties which is normal on the path !

Your 1000 stars will help to illuminate the dark places on this earth and the Tara Great Stupa will be a beacon in Thailand. I really look forward to seeing it and to meeting His Eminence one day. Im sure it will soon be accomplished.

Venetia Walkey
Dhamma Park Gallery

Benefactors of the Tara Great Stupa - September 2007

Names of Benefactors of the Great Stupa (Not complete)
อาจารย์ปาริชาติ จึงวิวัฒนาภรณ์ 1,000 บาท (สร้างพระสถูป 500 บาทและร่วมหล่อพระพุทธรูป 500 บาท)
นางสาวฮุ่ยเจ็ง นันทาประเสริฐ 20,000 บาท
นางเกียว เมธาวิกุล 100,000 บาท

Thursday, October 11, 2007

Another Kind of Support

Dear, dear, dear Kris!
The new (mantra) stupa is beautiful!
We were feeling inside so calm, so peacful.
I ask you: if you make a new stupa and need some people to help, tell me please. And: if somebody helps me to find workers I'd like to clear the lake from the death bambus.
I hope your retreat was very successful.
Metta, metta, metta: Kata + Laci

Support from a Korean Friend

Dear Kris

Please accept my donation for the Tibetan Stupa. I am really happy to be part of it. Please use this money for the steps to the entrance of the Stupa. I hope to see you soon.

Love

Myung-Hee

Benefactors of the Tara Great Stupa - before July - August 2007

July-August 2007 (More to Add)

คณะบุคคลจิตใจดีและคณะบุคคลจิตเบิกบาน 50,000 บาท
ทพญ. จรูญลักษณ์ โรจน์ประทักษ์ 5,000 บาท (สำหรับพระมหาสถูปและการดำเนินงานของขทิรวัณ)
คุณนิยม ติรุตานนท์ 10,000 บาท
Dr. Kim Myung Hee US$220 (for the entrance of the Great Stupa)
อาจารย์สามารถ สุขกนิษฐ์ 300 บาท
อาจารย์สุลักษณ์ ศิวรักษ์ 100,000 บาท

Benefactors of the Tara Great Stupa - October 2007

As mentioned earlier, the names of benefactors for this Great Stupa project will be listed in this blog. As we need to go through old record, it may take some time to complete. Please note that the list provided here isn't a complete one.

October 2007 (More to Add)

รายชื่อผู้ทำบุญสร้างพระศานติตารามหาสถูป เดือนตุลาคม 2550

คุณนภาพร พุทธวงศ์ 500 บาท
พอ. พิเศษ พิเศษนครกิจ 500 บาท
คุณรัศมี หนูราช 500 บาท
คุณวิภาวรรณ สุยังกูล 100 บาท
คุณฐิตินันท์ แซ่แต้ 100 บาท
คุณรุจิวรรณ จันทร์ทิพย์ 500 บาท
คุณชาติชาย รัตนามหัทธนะ 2,000 บาท
คุณระเบียบ เพ็ญภักดี 500 บาท
คุณสุกัญญา สุวิทยะรัตน์ 3,000 บาท
คุณวรวรรณา เพ็ชรกิจ 10,000 บาท
นิสิตภาษาศาสตร์ รุ่น 49: 4,665 บาท
คุณปิติ คุณกุลวรนันทน์ 1000 บาท
คุณนงลักษณ์ - พงษ์สวาวสุ 1000 บาท
คุณจรัล พากเพียร 100 บาท
คุณคุณอุบลวรรณ จันทรางกูร 200 บาท
คุณคงภพ สุทธิธรรมวะสี 2000 บาท
ดร. ฉันทนา - สุริชัย หวันแก้ว 500 บาท
คุณวิมล เจือสันติกุลชัย 7,200 บาท
คุณศิโรช อังสุวัฒนะ 3,000 บาท

TheGreat Stupa on Paper

Monday, October 8, 2007

Surrounding Scenery of the Stupa Site




Tara Khadiravana Sanctuary - Tara's Acacia Forest

3D Picture of the Great Stupa



Even the sight of this picture brings much joy. Imagine how wonderful it will be when the stupa truly exists. The mountain in the background is an imitation of Tara Khadiravana's mountains.

Objectives of This Blog

cThe 1000 Stars Foundation created this blog so that we could update news and activities related to the Tara Great Stupa as quickly as possible. We hope to list the names of benefactors and indicate their special requests, if any here. This blog will also serve as a forum for Friends of the Tara Great Stupa to exchange views and participate actively in the project.

The name list would be posted soon. We gratefully acknowledge all the contributions.

Please visit Krisadawan's blog for older stories of the Great Stupa.

Tara Great Stupa for Peace and Harmony



The 1000 Stas Foundation invites everyone to participate in the construction project of the Tara Great Stupa for Peace and Harmony. This will be the first Tibetan great stupa ever built in Thailand. It will be located at the Foundation's Tara Khadiravana Retreat Center, Nongplub, Hua-Hin, Prachuab Khiri Khan, Thailand.

First Vajrayana Buddhist Stupa of Thailand dedicated to world peace and in honor of Thailand's great dharmaraja His Majesty the King Bhumipol.